“ทรงตัวไม่ได้” ปัญหาที่ผู้สูงอายุในหลายๆ ครอบครัวกำลังพบเจอ บุตรหลานอาจมองว่า ระบบทรงตัวมีปัญหาในผู้สูงอายุ นั้นเป็นเรื่องทั่วไป ไม่ได้น่าเป็นห่วงเท่าไหร่ แต่แท้จริงแล้วไม่เป็นเช่นนั้น เพราะมันหมายถึง ผู้สูงอายุมีปัจจัยที่จะทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะพลัดตกและหกล้มได้ง่ายนั่นเอง ซึ่งหากเกิดอุบัติเหตุเช่นนั้น ณ สถานที่ที่เป็นอันตราย เช่น ห้องน้ำ ห้องครัว ฯลฯ ก็อาจส่งผลถึงแก่ชีวิตได้ ดังนั้น สมาชิกในครอบครัวจึงต้องหมั่นดูแลและส่งเสริมในทุกๆ วิธีที่ช่วยในเรื่องระบบการทรงตัวของผู้สูงวัยนั่นเอง
“ทรงตัวไม่ได้” ล้มง่าย ล้มบ่อย เกิดจากอะไร รักษาได้หรือไม่?
อาการเสียการทรงตัวในผู้สูงอายุเกิดได้จากหลายสาเหตุและปัจจัย โดยอาจมาจากความผิดปกติของสมองและระบบประสาท โรคเกี่ยวกับกล้ามเนื้อ หรือพฤติกรรมการเคลื่อนไหวบางท่าทางในชีวิตประจำวันก็อาจทำให้เกิดปัญหาด้านการทรงตัวได้
สาเหตุของการเสียการทรงตัวในผู้สูงอายุ
การทรงตัวต้องอาศัยระบบ 3 ระบบทำงานประสานกันเพื่อให้ทรงตัวได้อย่างเป็นปกติ ซึ่งประกอบด้วย
1. หูชั้นใน
ซึ่งประกอบด้วยน้ำในหูและหินทรงตัว และเส้นประสาทการทรงตัวที่ช่วยให้เราทำกิจวัตรประจำวันในอิริยาบถต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นการเดิน การยืน การก้มหรือการหัน เป็นต้น
2. ระบบประสาทส่วนกลางและกล้ามเนื้อไขข้อ
ซึ่งเป็นระบบประสาทที่มีหน้าที่คอยสั่งงานกล้ามเนื้อและข้อต่างๆ ของร่างกายว่าต้องเดินและทรงตัวอย่างไรนั่นเอง
3. ตา
เราต้องใช้ตาในการมองทิศทาง สิ่งกีดขวางเพื่อระวังตัวไม่ให้เดินชน สะดุดหกล้ม ดังนั้นถ้ามีปัญหาตาบางอย่าง เช่น มองเห็นไม่ชัด มองในที่มืดได้ไม่ดี จะทำให้มีปัญหาเสียการทรงตัวมากขึ้น
อย่างไรก็ดี หากระบบใดระบบหนึ่งในที่นี้ทำงานผิดปกติไป จะทำให้เราสูญเสียการทรงตัวและมีแนวโน้มที่จะหกล้ม ได้รับบาดเจ็บบาดเจ็บ ในบางรายอาจรุนแรงถึงขั้นพิการหรือเสียชีวิตได้เลยทีเดียว
ลักษณะอาการ
เป็นภาวะที่ทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกตัวลอย โคลงเคลง ทรงตัวไม่ได้หรือเวียนศีรษะ / เวียนศีรษะหมุน หากกำลังยืนอยู่กับที่ นั่งหรือนอน อาจรู้สึกว่าตัวลอย หัวหมุน หากกำลังเดินอยู่อาจรู้สึกว่าตัวโคลงเคลง เซไปข้างใดข้างหนึ่งเหมือนกำลังจะหกล้มหรือหกล้ม นอกจากนี้ผู้สูงวัยอาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น
-
คลื่นไส้ อาเจียน
-
วิตกกังวล
-
ตื่นตระหนก
โดยอาการเหล่านี้อาจเป็นอยู่เพียงชั่วครู่หรือระยะเวลานาน ทั้งนี้ ความรุนแรงและลักษณะของอาการเสียการทรงตัวก็จะต่างกันไป หากผู้สูงอายุเสียการทรงตัวอย่างฉับพลันมักจะเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ เช่น หกล้ม ตกบันได รถชน และอาจนำไปสู่การบาดเจ็บร้ายแรงและการเสียชีวิต

แนวทางการรักษา
การรักษาขึ้นอยู่กับสาเหตุของอาการที่เกิดขึ้น ดังนั้น แพทย์จึงจะพิจารณาแนวทางการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ป่วยแต่ละราย หลังการรักษา ผู้ป่วยภาวะเสียการทรงตัวบางรายยังอาจหลงเหลือความบกพร่องอยู่บ้าง เพราะฉะนั้นจึงต้องทำการบำบัดฟื้นฟูการทรงตัวอย่างต่อเนื่องหลังการรักษา
6 ท่ากายบริหาร ป้องกันการเสียการทรงตัวในผู้สูงอายุ
1.การฝึกเดินทรงตัว
ยืนตรง หน้ามองตรงไปด้านหน้า จากนั้นเดินเป็นเส้นตรงไปข้างหน้า โดยให้เท้าข้างหนึ่งอยู่ด้านหน้าเท้าอีกข้าง ขณะที่เดินให้ยกขาหลังขึ้นมา ค้างไว้ 1 วินาที ก่อนก้าวต่อไป ทำซ้ำเช่นนี้ 20 ก้าว
2.การฝึกกล้ามเนื้อขา
ยืนจับพนักเก้าอี้ กางเท้าทั้งสองข้าง ออกประมาณช่วงหัวไหล่ จากนั้นให้ย่อเข่าทั้งสองข้างลง (เหมือนจะนั่งลงเก้าอี้) ให้หลังและศีรษะตั้งตรงค้างไว้ประมาณ 1-2 วินาที และให้เหยียดเข่ายืนขึ้นสู่ท่าเริ่มต้น ทำซ้ำ 10 ครั้ง
3. ยืนยกขาเดียว
ยืนตรงเท้าชิด มือเท้าเอว จากนั้นยกขางอเข่าขึ้นมาหนึ่งข้าง โดยให้ต้นขาขนานกับพื้น ทำค้างไว้ อาจจะใช้โต๊ะหรือเก้าอี้มาวางไว้ข้าง ๆ เพื่อให้มือจับในการช่วยพยุงตัวป้องกันการล้ม หรือหากแข็งแรงมากขึ้นก็สามารถกางแขนเพื่อช่วยทรงตัวได้ แล้วค่อยลดขาลงไปอยู่ท่าเริ่มต้น ทำซ้ำเช่นนี้ ประมาณ 3-5 ครั้ง แล้วสลับทำอีกข้างขณะที่ยกขาขึ้นมานั้น ควรหลังตรง เกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้อง ก้น และหายใจตามสบาย
4. บริหารศีรษะ
ขั้นตอนแรกให้ผู้สูงอายุหลับตา ก้มศีรษะเหมือนการคำนับ หลังจากนั้นค่อยๆ เงยหน้าขึ้นจนตั้งตรง แล้วแหงนต่อไปทางด้านหลังอย่างช้าๆ แล้วค่อยๆ เริ่มทำให้เร็วขึ้นจนครบ 20 ครั้ง หันศีรษะไปทางด้านซ้าย มองตรง และหันไปทางด้านขวา สลับไปมาอย่างช้าๆ แล้วค่อยๆ เริ่มทำให้เร็วขึ้นจนครบ 20 ครั้ง
5. ฝึกลุก-นั่ง
ให้ผู้สูงอายุนั่งเก้าอี้ หลังจากนั้นให้นำขาวางราบพื้นใช้สองมือค่อยๆยันลำตัวขึ้น ยืนตรงหย่อนก้นไปทางด้านหลัง แล้วค่อยๆ ย่อเข่า ลงนั่ง
6. เสริมความแข็งแรงให้บริเวณสะโพก
ในท่านี้ให้ผู้สูงอายุต้องมีอุปกรณ์เสริมคือ เก้าอี้ โดยขั้นตอนแรงให้ผู้สูงอายุยืนหลังพนักพิงโดยลำตัวจะหันข้างให้กับเก้าอี้ ใช้มือข้างนึงจับไว้ หลังจากนั้นให้กางขาออกไปทางด้านข้าง กล้ามเนื้อส่วนนี้ช่วยเสริมสร้างความมั่นคงให้กับข้อสะโพกได้นั่นเอง
อย่างไรก็ดี ผู้สูงอายุเป็นช่วงวัยที่ร่างกายอ่อนแอและฟื้นฟูได้ช้า อีกทั้งร่างกายของผู้สูงอายุมักไม่สามารถฟื้นฟูกลับมาเหมือนเดิมได้เมื่อเทียบกับคนวัยหนุ่มสาว ดังนั้น หากผู้สูงอายุในครอบครัวใดเคยเผชิญกับปัญหานี้ มีอาการเสียการทรงตัวอย่างต่อเนื่อง หรือพบอาการอื่นในลักษณะคล้ายกัน ควรพาไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุและรับการรักษาที่ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม หากผู้สูงอายุเกิดอุบัติเหตุหรือมีปัญหาเสียการทรงตัวรุนแรง ควรพาไปพบแพทย์ทันที
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
บทความอื่นๆ
ผู้ป่วย อัลไซเมอร์ ไม่ยอมนอน ดูแลอย่างไรดี?
ปวดศีรษะจากกล้ามเนื้อเกร็งตัว ในผู้สูงอายุ อันตรายหรือไม่ รักษาอย่างไร?
5 ท่า บริหาร หัวใจ ผู้ สูงอายุ ช่วยให้ผู้สูงวัยหัวใจแข็งแรง