“กล้ามเนื้ออ่อนแรง” โรคในผู้สูงอายุที่น่ากลัวอีกโรคหนึ่ง บุตรหลานหลายๆ ครอบครัวอาจคิดว่าอาจเป็นโรคที่เกี่ยวกับระบบกล้ามเนื้อเท่านั้น แต่แท้จริงแล้วไม่เป็นเช่นนั้น เพราะโรคนี้ยังส่งผลไปถึงระบบประสาทอื่นๆ ด้วยนั่นเอง ทั้งนี้ภัยอันตรายนี้ยังเป็นภาวะที่จะมาเมื่อไหร่เราไม่สามารถทราบได้เลย รู้ตัวอีกทีผู้สูงอายุก็มีภาวะกล้ามเนื้อที่อ่อนแรงไปเสียแล้ว ดังนั้นลูกหลานควรศึกษาโรคนี้อย่างจริงจังและคอยเฝ้าระวังให้กับผู้ใหญ่ในบ้านก่อนที่มันจะสายไป
“กล้ามเนื้ออ่อนแรง” คืออะไรและมีสาเหตุมาจากอะไร
เมื่อกล่าวถึงโรคนี้หลายคนอาจจะคิดว่าโรคนี้ต้องเป็นโรคเกี่ยวกับกล้ามเนื้อ แต่ในความเป็นจริงแล้ว โรคนี้เกี่ยวข้องกับระบบประสาทที่ส่งผลต่อการทำงานของเซลล์ประสาทนำคำสั่งที่อยู่ในสมองและไขสันหลัง โดยโรคนี้มักจะค่อย ๆ เกิดขึ้นอย่างช้า ๆ จนเราไม่อาจรู้ตัว และอาการจะรุนแรงขึ้นจนอาจทำให้เสียชีวิตได้ กว่าผู้ป่วยจะรู้ตัวมักจะเกิดอาการที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันเสียแล้ว อีกทั้งโรคนี้มักพบในผู้สูงวัยในช่วงอายุ 60-65 ปี และจะพบมากในผู้สูงอายุเพศหญิงมากกว่าเพศชายถึง 1.5 เท่า นอกจากนี้ โดยเฉลี่ยแล้วผู้ป่วยจะเสียชีวิตหลังจากมีอาการ ในระยะเวลาประมาณ 2.5 ปี ซึ่งสาเหตุของการเสียชีวิตมักเกิดจากระบบหายใจล้มเหลวและการติดเชื้อในปอดอันเนื่องมาจากการสำลักอีกด้วย
สาเหตุของโรค
ภาวะนี้มักเกิดขึ้นจากปัญหาการแพ้ภูมิตัวเอง (Autoimmune Disorder) โดยมีรายละเอียดของสาเหตุ ดังนี้
- สารภูมิต้านทานหรือแอนติบอดี้ (Antibodies) และการส่งสัญญาณประสาท ปกติระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะผลิตแอนติบอดี้ออกมาเพื่อทำลายเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกาย แต่ในผู้ป่วยโรคนี้ แอนติบอดี้จะไปทำลายหรือขัดขวางการทำงานของสารสื่อประสาทแอซิติลโคลีน (Acetylcholine) โดยถูกส่งไปที่ตัวรับ (Receptor) ซึ่งอยู่ที่ปลายระบบประสาทบนกล้ามเนื้อแต่ละมัด ทำให้กล้ามเนื้อไม่สามารถหดตัวได้
- ต่อมไทมัส (Thymus Gland) เป็นต่อมที่อยู่บริเวณกระดูกอก มีส่วนในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายที่ผลิตสารภูมิต้านทานหรือแอนติบอดี้ไปขัดขวางการทำงานของสารสื่อประสาทแอซิติลโคลีน เด็กจะมีต่อมไทมัสขนาดใหญ่และจะค่อย ๆ เล็กลงเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ แต่ผู้ป่วยภาวะนี้จะมีขนาดของต่อมไทมัสที่ใหญ่ผิดปกติ หรือผู้ป่วยบางรายก็มีสาเหตุมาจากเนื้องอกของต่อมไทมัส ซึ่งพบประมาณร้อยละ 10 ในผู้ป่วยสูงอายุ
อาการ
โรคนี้สามารถเกิดขึ้นกับกล้ามเนื้อได้ทุกส่วนของร่างกาย โดยอาจเริ่มจากที่มือ เท้า หรือแขน จากนั้นจะค่อย ๆ ไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยสามารถสังเกตอาการได้ ดังนี้
- กล้ามเนื้อแขน ทำให้แขนไม่มีแรง กำมือไม่ได้ข้างใดข้างหนึ่ง จากนั้นแขนจะเริ่มลีบลง แล้วจะลามไปยังแขนอีกข้างหนึ่ง
- รู้สึกปวดกล้ามเนื้อ อาจเกิดอาการกระตุก รวมทั้งบริเวณแขน ไหล่ และลิ้นอาจมีอาการแข็งเกร็ง ทำให้ไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายได้ บางรายอาจมีอาการหนักจนไม่สามารถรับประทานอาหารเองได้
- ไม่สามารถควบคุมกระบังลมได้จึงทำให้หายใจไม่สะดวก

แนวทางการวินิจฉัยเมื่อพาไปพบแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ
โดยหลังจากการ ซักประวัติ การตรวจร่างกาย แล้ว แพทย์หรือผู้เชียวชาญอาจมีอุปกรณ์ช่วยเสริม ดังนี้
- การตรวจด้วยคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ
เพื่อวินิจฉัยโรคเกี่ยวกับระบบประสาทและกล้ามเนื้อโดยตรง
- การตรวจ MRI Scan
เพื่อตรวจดูความผิดปกติภายในโครงสร้างกระดูกหรือโพรงกระดูก
- การเจาะน้ำไขสันหลัง
เพื่อตรวจดูโรคอื่นๆ ที่อาจมากับระบบประสาทส่วนกลางและสมอง
โรคนี้รักษาหายหรือไม่
ปัจจุบันโรคนี้ยังไม่มีวิธีการรักษาโรคนี้เพียงแต่รักษาไปตามอาการ และใช้ยาเพื่อชะลอการดำเนินของโรคเท่านั้น ซึ่งผู้ป่วยมักจะเสียชีวิตภายหลังจากแสดงอาการประมาณ 2-3 ปี แต่บางรายหากครอบครัว และคนใกล้ชิดให้ความใส่ใจ และดูแลผู้ป่วยทั้งทางกาย และทางใจอาจทำให้ผู้ป่วยมีชีวิตอยู่ได้นานเป็น 10 ปี ดังนั้นการให้กำลังใจ และคอยอยู่เคียงข้างผู้ป่วย แม้เราจะรู้อยู่แล้วว่าปลายทางอาจจะดูมืดมน เพราะไม่มีทางรักษาให้หายขาดได้ แต่การให้กำลังใจก็เปรียบเสมือนแสงสว่างที่คอยจุดประกายให้คน ๆ นั้นเดินทางต่อไปได้ เราเชื่อว่าหากจิตใจของผู้ป่วยได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจะทำให้สภาพร่างกายของผู้ป่วยดีขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง
แนวทางการป้องกัน
แม้จะยังไม่ทราบสาเหตุที่มาของโรคได้อย่างแน่ชัดนัก แต่เราก็สามารถช่วยผู้สูงอายุป้องกันตนเองจากโรคนี้ได้ เช่น
- ออกกำลังกายให้เหมาะสมกับสัยอย่างสม่ำเสมอ
- หลีกเลี่ยงการเข้าใกล้สารเคมีหรือรังสีที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
อย่างไรก็ดี โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ยังเป็นโรคที่ยังพบน้อยในจำนวนผู้ป่วยสูงอายุ แต่ก็ยังไม่ทราบเหตุผลที่แน่ชัดว่าเกิดมาจากสาเหตุอะไรและหากเป็นแล้วก็ไม่รักษาให้หายขาดได้ ดังนั้น บุตรหลานควรเฝ้าระวังและคอยประเมินอาการผู้สูงวัยที่บ้านให้ดี หากมีสัญญาณที่ผิดปกติก็ควรพาไปพบแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจให้แน่ใจเพื่อไม่ให้สายเกินแก้และลุกลาม
บทความอื่นๆ
ผู้ป่วย อัลไซเมอร์ ไม่ยอมนอน ดูแลอย่างไรดี?
ปวดศีรษะจากกล้ามเนื้อเกร็งตัว ในผู้สูงอายุ อันตรายหรือไม่ รักษาอย่างไร?
5 ท่า บริหาร หัวใจ ผู้ สูงอายุ ช่วยให้ผู้สูงวัยหัวใจแข็งแรง