โรคเรื้อรังในผู้สูงอายุ นับเป็นเรื่องปกติสำหรับผู้สูงวัยกับการเป็นโรคเรื้อรังโรคใดโรคหนึ่ง เนื่องจากเมื่อเราก้าวเข้าสู่วัย 50 ปี ร่างกายก็จะเสื่อมลง ซึ่งทำให้มีโรคต่างๆ ตามมามากมายโดยเฉพาะกลุ่มโรคที่มีอาการเรื้อรัง ดังนั้น บุตรหลานจึงต้องเฝ้าระวังในพ่อแม่ หรือญาติผู้ใหญ่ของเราอย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้เกิดโรคร้ายกับท่านได้
โรคเรื้อรังในผู้สูงอายุ คืออะไร ในผู้สูงอายุมักพบโรคใดบ้าง?
โรคเรื้อรังเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นกับตนเองหรือคนในครอบครัว เพราะการที่ต้องทนอยู่กับความเจ็บป่วยเป็นเวลานานอาจทำให้สุขภาพโดยรวมแย่ลง และอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตด้านต่างๆ อีกด้วย แต่ในเมื่อเกิดโรคขึ้นแล้ว สิ่งที่ผู้ป่วยควรทำคือ ดูแลสุขภาพตนเอง และหาทางอยู่ร่วมกับโรคเรื้อรังอย่างปลอดภัยและมีความสุขที่สุด
โรคเรื้อรัง คือ…
โรคเรื้อรังนั้นมีหลายลักษณะและเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ โดยอาจเกิดขึ้นในร่างกายเป็นเวลานานกว่าจะแสดงอาการ และอาจทำให้อวัยวะบางส่วนในร่างกายเกิดปัญหาหรือใช้งานได้ไม่เต็มที่ ซึ่งโรคเรื้อรังบางชนิดยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ทำได้เพียงควบคุมไม่ให้อาการรุนแรงขึ้นหรือลุกลามไปยังอวัยวะส่วนอื่นๆ โดยตัวอย่างของโรคเรื้อรังที่พบได้บ่อย คือ โรคหอบหืด โรคภูมิแพ้ โรคข้ออักเสบ โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดสมอง และโรคหัวใจ
ผลกระทบเมื่อผู้สูงวัยมีภาวะโรคเรื้อรัง
เมื่อเป็นโรคเรื้อรัง ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะแตกต่างกับการเจ็บป่วยธรรมดา เพราะโรคทั่วไปอย่างโรคไข้หวัดใหญ่หรือโรคปอดบวมนั้น เมื่อเป็นแล้วไม่นานผู้ป่วยก็จะหายจากโรคดังกล่าว แต่โรคเรื้อรังมักต้องใช้เวลานานกว่าจะควบคุมอาการได้ อีกทั้งบางโรคยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาไม่เพียงแต่ทำให้ร่างกายเจ็บป่วยเท่านั้น แต่อาจส่งผลกระทบต่อด้านอื่นๆ ในชีวิตอีกด้วย
ซึ่งในโรคเรื้อรังบางชนิด เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ อาจทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถยกของหนัก เคลื่อนไหวร่างกาย และหยิบจับสิ่งของได้สะดวก หรือโรคเบาหวานก็ทำให้ผู้ป่วยจำเป็นต้องควบคุมปริมาณการบริโภคน้ำตาล และอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอีกมากมาย เช่น เบาหวานขึ้นตา โรคไต โรคหัวใจ เป็นต้น
5 โรคเรื้อรังยอดฮิตที่มักพบในผู้สูงอายุ
โรคเรื้อรังส่งผลกระทบเป็นอย่างมาก จนอาจกลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับผู้สูงอายุบางคนได้ เช่น การฉายรังสีและการทำเคมีบำบัดเพื่อรักษาโรคมะเร็ง หรือการผ่าตัดเพื่อรักษาโรคหัวใจ เป็นต้น มีผลกระทบต่อสภาพจิตใจ เมื่อเจอปัญหาสุขภาพที่รุมเร้า อาจทำให้ผู้ป่วยมีปัญหาในการทำงาน หรือปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงินในการจ่ายค่ารักษาพยาบาล ซึ่งอาจทำให้เกิดความเครียด ท้อแท้ หมดกำลังใจในการใช้ชีวิต จนอาจนำไปสู่โรคเครียดหรือโรคซึมเศร้าได้ หรือเมื่อผู้ป่วยรู้สึกแย่ต่อตนเองก็อาจทำให้รู้สึกแปลกแยกและปลีกตัวออกจากครอบครัว เพื่อนหรือสังคมได้ด้วย
1. ไขมันในเลือดสูง
เพราะไขมันที่เกาะอยู่กับผนังหลอดเลือดสะสมจนมีปริมาณมาก กลายเป็นภาวะไขมันในเลือดสูง ซึ่งมีผลทำให้หลอดเลือดเกิดการตีบตันได้ง่าย และเมื่อหลอดเลือดตีบตันอวัยวะต่างๆ ขาดเลือดหล่อเลี้ยง เกิดเป็น “ภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง” ซึ่งถ้าหากเกิดขึ้นกับหลอดเลือดหัวใจ ก็จะทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หรือกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันได้
2.โรคไตเรื้อรัง
ส่วนใหญ่แล้ว ผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นความดันโลหิตสูง เบาหวาน หรือไขมันในเลือดสูงมักตรวจพบว่ามีโรคไตเรื้อรังร่วมด้วย เพราะไตมีการทำงานหนัก ทำให้เสื่อมเร็วกว่าผู้ที่ร่างกายแข็งแรงเป็นปกติ และเมื่อไตเสื่อมมากๆ จนไม่สามารถขับของเสียออกจากร่างกายได้ สารพิษที่คั่งค้างในร่างกายจะทำให้ “หัวใจ” ทำงานไม่เป็นปกติ ซึ่งการชะลอความเสื่อมของไตถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ โดยนอกจากการรักษาทางการแพทย์แล้ว การควบคุมอาหาร งดสูบบุหรี่ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตลอดจนการออกกำลังกาย ก็ช่วยให้ไตไม่ต้องทำงานหนักได้เหมือนกัน
3. ความดันโลหิตสูง
ถ้าพูดถึง “ความดันโลหิตสูง” อาจจะดูเหมือนว่าเป็นโรคยอดฮิตที่ใครๆ ก็เป็นกัน หากแต่ที่จริงๆแล้วโรคนี้ป้องกันได้ไม่ยาก แม้ว่าจะไม่มีสาเหตุชัดเจน แต่หากบุตรหลานดูแลให้ผู้สูงอายุปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้ถูกต้อง ก็สามารถบรรเทาให้อาการดีขึ้นได้ อย่างไรก็ดี ความดันโลหิตสูง ยังเป็นสาเหตุก่อให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดที่ร้ายแรงกว่าที่คิดเพราะความดันโลหิตที่ผิดปกติส่งผลให้หัวใจโต หลอดเลือดหัวใจหนาและแข็งตัวขึ้น ผู้ป่วยจึงมักเกิดอาการเจ็บหน้าอกจากหัวใจขาดเลือด ท้ายที่สุด การเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้แบบเฉียบพลัน
4. เบาหวาน
อีกหนึ่งโรคเรื้อรังที่พบมากในผู้สูงอายุไทย เพราะไม่เพียงพฤติกรรมการใช้ชีวิตแบบตะวันตกแต่เบาหวานยังมีสาเหตุมาจาก “กรรมพันธุ์” ทำให้โรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกวัยอีกด้วย ซึ่งการที่ร่างกายเรามีระดับน้ำตาลในเลือดสูง ส่งผลให้การทำงานของเซลล์ผิดปกติ เกิดความเสียหายแก่ผนังหลอดเลือด ทำให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดมากกว่าคนปกติ ถึงร้อยละ 50 เลยทีเดียว
5. โรคอ้วน
คงไม่มีหลักทฤษฎีไหนที่บอกว่า “อ้วนแล้วดี” เพราะโรคอ้วนมีความเกี่ยวโยงไปสู่โรคร้ายแรงต่างๆ มากมาย อย่างเช่น “โรคหัวใจขาดเลือด” เนื่องจากระดับของไขมัน คอเลสเตอรอล และดัชนีมวลกาย ที่สูงกว่าปกติ ล้วนมีผลต่อผนังหลอดเลือดที่หนาขึ้น หลอดเลือดแดงจึงตีบแคบ เลือดไหลเวียนได้น้อย ในที่สุดก็เกิดหลอดเลือดอุดตัน กลายเป็น “ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตาย”
วิธีการรับมือกับโรคเรื้อรังในผู้สูงอายุ
กลุ่มโรคเรื้อรังที่เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่สะสมต่อเนื่อง เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง และสิ่งสำคัญหรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นความน่ากลัวของโรคเหล่านี้ คือ เมื่อป่วยเป็นโรคแล้วบางรายอาจจะต้องรับการรักษาอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต ยากที่จะรักษาให้หายขาด อีกทั้งปัจจุบันพบว่า ผู้ป่วยมีอายุน้อยกว่าในอดีต แต่คงจะดีกว่า ถ้าเรารู้ก่อน ป้องกันก่อน หรือรู้จักวิธีที่จะช่วยส่งเสริมการรักษาโรคให้ดีและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ซึ่งอาจทำตามคำแนะนำวิธีต่างๆ ดังต่อไปนี้
รู้จักอยู่ร่วมกับโรคเรื้อรังให้มีความสุข
เป็นเรื่องที่ทุกครอบครัวควรเรียนรู้และเตรียมพร้อม โดยเฉพาะครอบครัวที่มีผู้สูงวัยป่วยกระเสาะกระแสะ เพราะโรคเรื้อรังบางอย่างอาจเป็นความเจ็บป่วยที่อยู่กับเราไปตลอดชีวิต แต่ในเมื่อยังต้องใช้ชีวิตอยู่ต่อไป สิ่งที่ควรทำคือ ยอมรับ ทำความเข้าใจ และหาทางที่จะดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างมีความสุขที่สุด
ทำความเข้าใจโรคที่เป็นอยู่
ผู้ป่วยควรศึกษาและทำความเข้าใจโรคที่เป็นอยู่ให้ดีที่สุด โดยอาจหาข้อมูลด้วยการสอบถามแพทย์หรือค้นหาข้อมูลตามแหล่งที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้ทราบรายละเอียดของโรค หาวิธีรับมือและดูแลตัวเองให้ดียิ่งขึ้น
รักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ
การรักษาสุขภาพให้แข็งแรงนั้นถือเป็นเรื่องสำคัญในการใช้ชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อป่วยด้วยโรคเรื้อรังอยู่ ซึ่งอาจทำได้โดยออกกำลังกายอย่างเหมาะสมเป็นประจำ หรือปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตในด้านต่างๆ เช่น รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ พักผ่อนให้เพียงพอ เลิกสูบบุหรี่ และเลิกดื่มสุรา เป็นต้น
จัดการกับอารมณ์และความคิดของตนเอง
นอกจากความเจ็บป่วยทางกายแล้ว ความเครียด ความกดดัน ความกังวล และความเศร้า ก็ล้วนเป็นอุปสรรคของการใช้ชีวิตร่วมกับโรคเรื้อรัง ผู้ป่วยจึงควรจัดการกับความคิดของตนเอง โดยพยายามเข้าใจความเป็นจริง ไม่โทษตัวเอง ลดความคาดหวังลงบ้าง หรืออาจใช้วิธีฝึกสมาธิเพื่อช่วยให้ผ่อนคลายและจัดการกับความคิดความรู้สึกของตนเองได้ดีขึ้น
รับการรักษาและทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเต็มที่
ผู้ที่เป็นโรคเรื้อรังควรไปพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอเพื่อความต่อเนื่องของการรักษา และควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด รับประทานยาให้ตรงตามที่แพทย์แนะนำ สอบถามแพทย์ในส่วนที่สงสัยหรือไม่เข้าใจ เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพมากที่สุด ให้ครอบครัวและคนรอบข้างคอยเป็นกำลังใจ การป่วยเป็นโรคเรื้อรังนั้นอาจทำให้ผู้ป่วยรู้สึกแย่กับตนเองและสิ่งรอบข้าง จึงเป็นหน้าที่ของคนในครอบครัวและคนรอบข้างที่ต้องคอยให้กำลังใจผู้ป่วย ให้รู้สึกว่าไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว ชีวิตของตนยังมีคุณค่า เพื่อให้มีกำลังใจในการใช้ชีวิตต่อไป
ท้ายที่สุด โรคเรื้อรังในผู้สูงอายุ ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตัวของผู้สูงอายุเป็นหลัก เพราะบางคนเข้ารับการปรึกษาดูแลเพียง 1 ครั้ง ก็สามารถจดจำ ทำความเข้าใจและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดได้เป็นอย่างดี ดังนั้นสิ่งที่บุตรหลานจะต้องทำอย่างต่อเนื่องเพื่อดูแลผู้สูงอายุ นั่นก็คือ การคอยปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตของท่าน และการตรวจดูผลเลือดต่างๆ ในระยะเวลาที่เหมาะสม เพราะหากละเลยเมื่อใด โอกาสก้าวข้ามจากคำว่าเสี่ยงไปเป็นโรคก็เกิดขึ้นได้เสมอ
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
บทความอื่นๆ
ผู้ป่วย อัลไซเมอร์ ไม่ยอมนอน ดูแลอย่างไรดี?
ปวดศีรษะจากกล้ามเนื้อเกร็งตัว ในผู้สูงอายุ อันตรายหรือไม่ รักษาอย่างไร?
5 ท่า บริหาร หัวใจ ผู้ สูงอายุ ช่วยให้ผู้สูงวัยหัวใจแข็งแรง