ออกกําลังกาย ขยายหลอดเลือด สำหรับผู้สูงอายุ ถือเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ปลอดภัยในการดูแลและคอยป้องกันให้ผู้สูงอายุห่างไกลจากโรคหลอดเลือดและโรคหัวใจต่างๆ เป็นที่ทราบกันดีว่า เมื่ออายุมากขึ้น ภาวะโรคต่างๆ ก็จะถามหา โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือด เพราะผนังหลอดเลือดจะเริ่มอ่อนแอ่ลง ตามอายุที่มากขึ้น บุตรหลานจึงจำเป็นต้องเฝ้าระวังโรคนี้เป็นพิเศษ
ออกกําลังกาย ขยายหลอดเลือด ช่วยผู้สูงวัยห่างไกลโรคหลอดเลือดตีบ-ตัน
จากที่กล่าวไปข้างต้นว่า โรคหัวใจและโรคหลอดเลือด เป็นภาวะที่ควรเฝ้าระวังที่สุดในผู้สูงอายุนั้น เป็นเรื่องที่ไม่สามารถปฏิเสธได้เลย เนื่องจากเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น สมรรถภาพในการทำงานต่างๆ ของระบบในร่างกายก็ยิ่งลดลงอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงผนังของหลอดเลือดที่ถ้าหากมีสิ่งใดมากระตุ้น เช่น การพักผ่อนน้อย ความเครียด อาหารการกิน ของผู้สูงวัยที่ไม่เหมาะ ก็จะทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดตีบและตันได้ไวมากขึ้น
โรคหลอดเลือดในสมอง คือ…
“ผู้ป่วยหลอดเลือดในสมอง” เป็นโรคทางสมองที่ผู้สูงอายุส่วนใหญ่จะกังวลกันมาก เนื่องจากเป็นภาวะอาการที่มักพบในผู้สูงวัยที่มีอายุอยู่ช่วง 60 ปีขึ้นไป แถมยังเป็นโรคที่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตมากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็งอีกด้วย โดยจะมีลักษณะอาการแขนขาอ่อนแรงซีกใดซีกหนึ่งของร่างกายแล้วมักจะไม่ค่อยหาย หรือหายแต่ไม่หายสนิท ต้องใช้เวลาฟื้นฟูสมรรถภาพค่อนข้างนาน มีความพิการหลงเหลืออยู่บ้าง ไม่มากก็น้อย สาเหตุของอาการมีได้หลายอย่าง แต่ที่พบบ่อยที่สุด คือ โรคหลอดเลือดสมองตีบ อุดตัน หรือแตก ส่งผลให้ออกซิเจนไปเลี้ยงสมองไม่พอ จนทำให้สมองขาดเลือด และทันทีที่สมองขาดเลือด เซลล์สมองต่างๆ จะค่อยๆถูกทำลาย ส่งผลให้สมองสูญเสียหน้าที่จนเกิดเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือเสียชีวิตได้
สาเหตุของโรคหลอดเลือดในสมอง
- ไขมันไปเกาะผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดตีบแคบและขาดความยืดหยุ่น
- เกิดจากการฉีกของผนังหลอดเลือดด้านใน ทำให้เส้นเลือดอุดตัน
- เกิดลิ่มเลือดขนาดเล็กแข็งตัวและเกาะที่ผนังหัวใจและลิ้นหัวใจ จากนั้นหลุดลอยตามกระแสเลือดไปอุดตันหลอดเลือดในสมอง

ประเภทของโรคหลอดเลือดสมองในผู้สูงอายุ
โดยทั่วไปโรคหลอดเลือดสมองที่เกิดขึ้นในผู้สูงอายุจะเหมือนกับภาวะที่เกิดขึ้นในวัยผู้ใหญ่ โดยสามารถแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ดังนี้
1. กลุ่มโรคหลอดเลือดสมองชนิดขาดเลือดเฉียบพลัน (ischemic stroke)
สาเหตุเกิดจากการอุดตันของหลอดเลือดส่งผลให้การไหลเวียนของเลือดไปยังสมองลดลงเกิดการตายของเนื้อสมอง ซึ่งกลุ่มโรคหลอดเลือดสมองชนิดนี้จะรวมกลุ่มโรค Transient Ischemic Attack (TIA) ซึ่งเป็นภาวะที่จากระบบประสาทขาดเลือดไปเลี้ยงชั่วคราวส่งผลให้สมองหรือจอประสาทตาขาดเลือด ทำให้ระบบประสาทเกิดความผิดปกติโดยจะใช้ระยะเวลาจะน้อยกว่า 24 ชั่วโมงก็จะกลับมาเป็นปกติ
2. กลุ่มโรคหลอดเลือดสมองชนิดเลือดออกในสมอง (hemorrhagic stroke)
สาเหตุเกิดจากมีการแตกของหลอดเลือดแบ่งออกเป็น ICH (Intracerebralhemorrhage),IVH (Intraventricular hemorrhage) มักเกิดร่วมกับการมีประวัติเป็นโรคความดันโลหิตสูง, SAH (Subarachnoid hemorrhage) ผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไปจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดหลอดเลือดแดงโป่งพองเฉพาะที่ภายในสมอง
แนวทางการดูแลและป้องกันผู้สูงอายุให้ปลอดภัยจากโรคหลอดเลือด
สำหรับวิธีการป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง ได้แก่ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงอาหารรสเค็มจัด อาหารที่มีไขมันสูง ออกกำลังกาย ควบคุมน้ำหนัก งดสูบบุหรี่ งดการดื่มสุรา ควบคุมน้ำตาล ควบคุมความดันโลหิต ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมและตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งปัญหาที่สำคัญของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองคือการที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ จำเป็นต้องรักษาหรือฟื้นฟูด้วยวิธีต่างๆ เพื่อให้ร่างกายมีสภาพที่ดีขึ้น สามารถช่วยเหลือตัวเองได้มากขึ้น ทั้งนี้ การฟื้นฟูผู้ป่วยอัมพฤกษ์ อัมพาต ควรทำความเข้าใจร่วมกันระหว่างแพทย์ ผู้ป่วยและผู้ดูแล เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
การรักษาด้วยนวัตกรรมเครื่องกระตุ้นสมอง TMS
จากที่เคยกล่าวไปว่า เทคโนโลยี TMS หรือ เครื่องกระตุ้นสมองแม่เหล็กไฟฟ้า นั้น ค่อนข้างเป็นที่นิยมมากสำหรับการดูแลรักษาผู้ป่วยสูงวัยในโรคทางระบบประสาท เนื่องด้วยข้อดีที่เอื้ออำนวยต่อร่างกายผู้สูงวัย ซึ่งก็ถือเป็นข้อเท็จจริงที่ได้รับการยอมรับจากวงการแพทย์ เพราะในปัจจุบัน โรคทางระบบประสาทเป็นหนึ่งในโรคที่เกิดขึ้นในผู้สูงอายุมากที่สุดชนิดหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็น โรคอัลไซเมอร์ โรคซึมเศร้า โรคหลอดเลือดในสมอง เป็นต้น นั่นจึงยิ่งเป็นข้อพิสูจน์เกี่ยวกับข้อดีของเจ้าเทคโนโลยีตัวนี้
TMS รักษาโรคอะไรได้บ้าง?
เนื่องจากเป็นเครื่องกระตุ้นสมอง เจ้าเทคโนโลยีตัวนี้จึงสามารถฟื้นฟูผู้ป่วยในโรคระบบประสาทได้หลากหลาย เช่น โรคในระบบประสาทส่วนกลาง (สมองและไขสันหลัง) ซึ่งประกอบด้วยภาวะต่างๆ ดังนี้
- ภาวะอัมพฤกษ์ อัมพาต
- โรคสมองเสื่อม
- โรคซึมเศร้า
- ไมเกรน
8 ท่าออกกําลังกายง่ายๆ เพื่อขยายหลอดเลือดในผู้สูงอายุ
ในการออกกำลังกายเพื่อช่วยขยายหลอดเลือดในผู้สูงวัยนั้น สามารถทำตามได้ 8 ท่าง่ายๆ ดังนี้
ท่าที่ 1
ยืนกางขาประมาณช่วงไหล่ ประสานมือยกแขนขึ้นแนบหูเหนือศีรษะ แล้วเอาลงช้าๆ
ท่าที่ 2
ยืนกางขาประมาณช่วงไหล่ ประสานมือแล้วหมุนมือไปทางซ้าย ค้างท่าไว้นับ 1-10 กลับมาหน้าตรงสักครู่ จากนั้นหมุนมือไปทางขวา ค้างท่าไว้นับ 1-10 (ท่านี้ช่วยยืดกล้ามเนื้อบริเวณหัวไหล่และสะบักด้านบน)
ท่าที่ 3
ยืดแขนขวามาด้านหน้า แล้วพาดไปด้านซ้าย จากนั้นงอข้อศอกแขนด้านซ้ายพาดที่แขนข้างขวา แล้วดึงไปด้านซ้าย ค้างท่าไว้นับ 1-10 จากนั้นสลับข้าง ค้างท่าไว้นับ 1-10(ท่านี้ช่วยยืดกล้ามเนื้อบริเวณสะบักด้านหลัง)
ท่าที่ 4
ยกแขนขวาขึ้นด้านข้างแล้วงอไปด้านหลัง แล้วยกมือซ้ายมาจับไว้ที่ข้อศอกด้านขวา ดึงข้อศอกไปข้างหลังเล็กน้อยให้รู้สึกตึงบริเวณรักแร้ (อย่าดึงจนรู้สึกเจ็บ) ค้างท่าไว้นับ 1-10 จากนั้นสลับข้าง ค้างท่าไว้นับ 1-10
ท่าที่ 5
เอามือสองข้างเกาะที่พนักเก้าอี้ ขาข้างหนึ่งก้าวไปด้านหน้า งอเล็กน้อย ทิ้งน้ำหนักตัวมาด้านหน้า ขาอีกข้างอยู่ด้านหลัง ยืดตรงโดยไม่เปิดส้นเท้าออก หลังตรง แล้วค้างท่าไว้นับ 1-10 จากนั้นสลับข้าง ค้างท่าไว้นับ 1-10
ท่าที่ 6
จับเก้าอี้ให้มั่นคง ยกขาข้างหนึ่งขึ้น ให้เข่าอยู่ในแนวเดียวกับลำตัว แล้วใช้มือจับที่ข้อเท้า ยืดหลังตรง ค้างท่าไว้นับ 1-10 จากนั้นสลับข้าง ค้างท่าไว้นับ 1-10 (ท่านี้ช่วยยืดกล้ามเนื้อต้นขาด้านบน แต่อย่ายืดจนเจ็บ เพราะกล้ามเนื้ออาจได้รับการบาดเจ็บหรือฉีกขาดได้)
ท่าที่ 7
มือจับเก้าอี้ ยืนลงน้ำหนักเต็มที่ที่ขาข้างหนึ่ง งอขาเล็กน้อย จากนั้นยืดขาอีกข้างมาข้างหน้า วางเท้าลงด้วยส้นเท้า เปิดปลายเท้าขึ้น ค้างท่าไว้นับ 1-10 จากนั้นสลับข้าง ค้างท่าไว้นับ 1-10 (ท่านี้ช่วยยืดกล้ามเนื้อน่องด้านหน้า)
ท่าที่ 8
เตะขาขึ้นด้านหน้าช้าๆ กระดกปลายเท้าเล็กน้อย และค่อยๆ ลดขาลงช้าๆ ทำข้างซ้าย 10 ครั้ง จากนั้นสลับทำข้างขวา 10 ครั้ง (อย่าทำเร็วเกินไปหรือสะบัดข้อเข่า ท่านี้ช่วยบริหารเข่าและช่วยยืดบริเวณน่อง)
อย่างไรก็ดี การ ออกกําลังกาย ขยายหลอดเลือด ต้องอยู่ในช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการออกกำลังกายด้วย โดยทั่วไปแล้วควรเลือกเวลาที่เหมาะสมกับชีวิตประจำวันของผู้สูงวัย ทั้งนี้ ยังมีข้อมูลว่าการออกกำลังกายในช่วงบ่ายหรือเย็น ร่างกายได้มีการเดินหรือมีกิจกรรมมาบ้างแล้ว จึงพร้อมกับการออกกำลังกายได้มากขึ้น แต่หลักที่ควรระลึกถึงเสมอคือ ผู้สูงอายุควรออกกำลังกายหลังรับประทานอาหารมื้อหลักประมาณ 1-2 ชั่วโมง เพื่อประสิทธิภาพและความเหมาะสม
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
บทความอื่นๆ
ผู้ป่วย อัลไซเมอร์ ไม่ยอมนอน ดูแลอย่างไรดี?
ปวดศีรษะจากกล้ามเนื้อเกร็งตัว ในผู้สูงอายุ อันตรายหรือไม่ รักษาอย่างไร?
5 ท่า บริหาร หัวใจ ผู้ สูงอายุ ช่วยให้ผู้สูงวัยหัวใจแข็งแรง