โรคตาในผู้สูงอายุ นับเป็นปัญหาที่มีมาอย่างยาวนานที่พบในผู้สูงอายุ เริ่มตั้งแต่ค่าสายตายาว สายตาสั้น ตาฝ้าฟาง ตาพร่ามัว เป็นต้น ซึ่งเราไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าเมื่อเราอายุมากขึ้น เราก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงเจ้าโรคทางตาและสายตาเช่นนี้ได้เลย ในวัยผู้สูงอายุนั้น การมีปัญหาสายตาเป็นเรื่องที่ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก ซึ่งบุตรหลานอาจจะต้องศึกษาเกี่ยวกับโรคทางนี้ไว้ เพื่อเป็นการป้องกันและคอยระวังให้กับผู้สูงอายุอยู่เสมอ
โรคตาในผู้สูงอายุ มีอะไรบ้าง แต่ละโรครักษาอย่างไร?
เมื่ออายุมากขึ้นอวัยวะต่างๆ ในร่างกายที่เราใช้งานมาหลายสิบปีก็ย่อมเสื่อมสภาพเป็นเรื่องปกติ และ “ดวงตา” คือหนึ่งในอวัยวะที่มักพบความผิดปกติได้หลายรูปแบบ และนี่คือ 5 โรคตาที่ผู้สูงวัยไม่ควรมองข้าม เพราะโรคตาบางโรค…หากปล่อยไว้โดยไม่ได้รับการรักษาก็อาจร้ายแรงถึงขั้นตาบอดได้
5 โรคตาที่มักพบบ่อยในผู้สูงอายุ
0 1 โรคต้อกระจก
เมื่อคนเราอายุมากขึ้น ดวงตาที่ถูกใช้งานมานานหลายสิบปีย่อมเสื่อมลง อย่างเลนส์ตาธรรมชาติที่ทำหน้าที่รับแสงมานานก็จะเกิดสีขุ่นขึ้นจนกลายเป็นสีเหลือง สีชา หรือกลายเป็นสีขาวขุ่นๆ ซึ่งนั่นคือต้นเรื่องของโรคต้อกระจก ที่ผู้สูงวัยในอายุ 50 ปีขึ้นไปควรระวัง รวมไปถึงผู้ที่ยังอายุไม่มากแต่มีคุณพ่อคุณแม่เป็นตาต้อกระจกก็จะมีโอกาสเสี่ยงสูงขึ้น
ลักษณะอาการ:
เพราะเลนส์ตามีความขุ่นมัวมากขึ้น ทำให้การมองเห็นภาพมีลักษณะคล้ายเป็นหมอก หรือมีควันขาวๆ บัง สายตา การโฟกัสไม่ดีเหมือนเดิม ในผู้ป่วยต้อกระจกบางชนิดอาจมีอาการแพ้แสง และหากต้อกระจกเข้มมากจนสุก ก็จะบังลูกตาจนสูญเสียการมองเห็นได้
แนวทางการรักษา:
การรักษาต้อกระจก ทำได้โดยการผ่าตัดนำเลนส์แก้วตาที่ขุ่นออกแล้วใส่เลนส์แก้วตาเทียมเข้าไปแทนที่ โดยวิธีการผ่าตัดที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน ได้แก่
- การสลายต้อกระจกด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (phacoemulsification)
- การผ่าตัดต้อกระจกและฝังเลนส์เทียมโดยใช้เลเซอร์ (femtosecond laser)
0 2 โรคต้อหิน
แม้จะเป็นโรคตาที่พบได้น้อยกว่าต้อกระจก แต่ก็นับว่าเป็นอีกภัยเงียบที่อาจนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นแบบถาวรได้ โรคต้อหินเกิดจากความดันในลูกตาสูงขึ้นจนมีการทำลายประสาทตา อาจเกิดในผู้ที่คนในครอบครัวมีประวัติเป็นต้อหิน หรือในผู้ที่สายตาสั้นมากๆ ป่วยเป็นเบาหวาน หรือเคยได้รับอุบัติเหตุทางตามาก่อน
ลักษณะอาการ:
มักไม่มีอาการในช่วงแรก แต่เมื่อเริ่มสูญเสียลานสายตา การมองเห็นจะค่อยๆ จำกัดวงแคบลง จากด้านข้างเข้ามาตรงกลางเรื่อยๆ และสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรในที่สุด แต่ทั้งนี้ก็ยังมีต้อหินบางประเภทที่มีอาการปวดมาก เห็นแสงรุ้งรอบดวงไฟ หรือมีอาการตาแดง
แนวทางการรักษา:
การรักษาโดยใช้ยาเป็นการรักษาเบื้องต้นที่ดีที่สุด สะดวก มีประสิทธิภาพ แต่จำเป็นต้องใช้ยาหยอดตาทุกวันไปตลอดชีวิต ปัจจุบันยาหยอดตามีหลายชนิด ต่างกันที่กลไกการออกฤทธิ์ ประสิทธิภาพ และอาการข้างเคียง การใช้ยารักษาต้อหินชนิดกินหรือฉีดนั้นจะใช้ในระยะสั้นเพื่อเตรียมการผ่าตัด เนื่องจากมีผลข้างเคียงสูง
0 3 โรคต้อลม
ต้อลมเป็นอีกหนึ่งโรคตาที่มีสาเหตุมาจากความเสื่อมของเยื่อบุตาขาว ตัวต้อจะมีลักษณะเป็นก้อนเนื้อขนาดเล็ก นูน สีขาวหรือเหลืองตรงบริเวณเยื่อบุตาขาว มักพบบริเวณหัวตามากกว่าหางตา ซึ่งหากไม่ได้รับการป้องกันก็อาจจะลุกลามกลายเป็นแผ่นเนื้อบดบังบริเวณกระจกตาดำ หรือที่เรียกว่า “ต้อเนื้อ” นั่นเอง
ลักษณะอาการ:
ในช่วงแรกเริ่มมักไม่มีอาการ แต่เมื่อต้อลมมีการอักเสบมากขึ้นจะทำให้มีอาการเคืองตา คันตา สามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยาหยอดตา ร่วมกับการป้องกันไม่ให้โดนแดดโดนลมด้วยการสวมแว่นกันแดด ซึ่งถ้าไม่ได้รับการป้องกันหรือรักษาอย่างถูกต้อง ก็อาจจะลุกลามกลายเป็นแผ่นเนื้อบดบังบริเวณกระจกตาดำ หรือที่เรียกว่า “ต้อเนื้อ” นั่นเอง
แนวทางการรักษา:
- ควรใส่แว่นกันแดดและกันลมเมื่ออยู่ในที่โล่งแจ้ง
- จักษุแพทย์อาจพิจารณาใช้ยาหยอดตาเพื่อบรรเทาอาการอักเสบของต้อลม
- ต้อลมไม่จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัด เนื่องจากมีขนาดเล็ก ไม่ส่งผลต่อการมองเห็น
0 4 โรคจอประสาทตาเสื่อม
เป็นภาวะที่จุดรับภาพที่อยู่ตรงส่วนกลางของจอตาเกิดการเสื่อมขึ้น ทำให้การมองเห็นส่วนกลางของภาพมัวลง แต่บริเวณรอบข้างยังสามารถมองเห็นได้เป็นปกติ อาจเกิดจากการเสื่อมไปตามช่วงอายุที่มากขึ้น แสงยูวี การสูบบุหรี่ หรือมีระดับความดันโลหิตสูง
ลักษณะอาการ:
ในระยะแรกอาจไม่มีอาการแสดง แต่เมื่อจอตาเริ่มเสื่อมมากยิ่งขึ้น ผู้ป่วยจะมีอาการตามัว เห็นภาพบิดเบี้ยว เห็นจุดดำอยู่กลางภาพ และสูญเสียการมองเห็นตรงบริเวณกลางภาพ ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่มีอาการปวดร่วมด้วย
แนวทางการรักษา:
ปัจจุบันยังไม่มีการรักษาโรคนี้ให้หายขาด แต่สามารถหยุดหรือชะลอ เพื่อให้จอประสาทตาเสื่อมช้าที่สุด โดยมีวิธีการรักษา ได้แก่ การฉีดยา การใช้เลเซอร์พลังงานต่ำและสารไวแสง เลเซอร์พลังงานสูง และหลายวิธีร่วมกัน ซึ่งการรักษาในแต่ละวิธีมีทั้งข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน เพราะร่างกายของผู้ป่วยแต่ละคนตอบสนองต่างกัน ดังนั้น ก่อนการรักษาจักษุแพทย์ ผู้ป่วย ญาติ ควรพูดคุยกันเพื่อเลือกวิธีการรักษาที่ดีที่สุด
0 5 ตาแห้ง
เมื่ออายุมากขึ้น อาจมีปัจจัยหลายๆ อย่างที่ส่งผลให้เกิด “ภาวะตาแห้ง” ได้ ไม่ว่าจะเป็น ต่อมไขมันเปลือกตาที่อุดตันได้ง่ายขึ้น ฮอร์โมนที่เปลี่ยนไป หรือการมีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น โรคไทรอยด์ โรคข้ออักเสบ หรือการใช้ยาบางชนิด ซึ่งส่งผลให้น้ำหล่อเลี้ยงตาที่ทำหน้าที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ดวงตาไม่เพียงพอ เกิดการระคายเคืองในตาและแสบตา หากปล่อยไว้ไม่ได้รับการรักษา จะทำให้เปลือกตาดึงรั้งขนตาให้ลงมาทิ่มตา เปลือกตาอักเสบ และกระจกตาเป็นแผลได้
ลักษณะอาการ:
รู้สึกไม่สบายตา เหมือนมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในตา เคืองตาหรือมีน้ำตาไหล ซึ่งน้ำตาที่ไหลเป็นเพียงเพราะการถูกกระตุ้นจากภาวะตาแห้งให้สร้างน้ำตาขึ้นมาเพื่อลดการระคายเคือง แต่ไม่ได้ส่งผลให้ดวงตาเกิดความชุ่มชื้นอย่างที่เราเข้าใจกัน หากปล่อยไว้ไม่ได้รับการรักษา จะทำให้เปลือกตาดึงรั้งขนตาให้ลงมาทิ่มตา เปลือกตาอักเสบ และกระจกตาเป็นแผลได้
แนวทางการรักษา:
- การใช้น้ำตาเทียมเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตา
- การใช้ยาหยอดตากลุ่มสเตียรอยด์ เพื่อลดการอักเสบของผิวนัยน์ตาหรือผิวเยื่อบุตา และช่วยบรรเทาอาการคันระคายเคืองตา แต่การใช้ยากลุ่มนี้จะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์และใช้เป็นช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น
- การทำความสะอาดเปลือกตาด้วยน้ำยาพิเศษ เพื่อกำจัดเชื้อโรคหรือสิ่งสกปรกที่อยู่บริเวณรอบเปลือกตา
- การประคบน้ำอุ่นอุณหภูมิประมาณ 41-43 องศาเซลเซียสเป็นประจำเช้า-เย็น
- การนวดและทำความสะอาดเปลือกตา (การกดรีดไขมันตามแนวการวางตัวของต่อมไมโบเมียนที่ขอบเปลือกตา)
- การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต ลดการเพ่งหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ตโฟน และพักสายตาเป็นระยะๆ
อย่างไรก็ดี 5 โรคตาในผู้สูงอายุ ดังที่กล่าวมานี้เป็นเพียงปัญหาที่พบบ่อยในผู้สูงอายุเท่านั้น ยังมีภาวะทางสายตาอันตรายอื่นๆ อีกที่สามารถเกิดขึ้นได้ อย่างไรก็ดีสิ่งสำคัญคือ บุตรหลานต้องคอยดูแลและเอาใจใส่ในการดูและสุขภาพทางสายตาและการมองเห็นของผู้สูงอายุให้มาก เพราะหากพวกท่านมีภาวะโรคสายตาชนิดใดชนิดหนึ่งแล้วล่ะก็ การใช้ชีวิตประจำวันที่ยกลำบากก็จะตามมาด้วยนั่นเอง
บทความอื่นๆ
ผู้ป่วย อัลไซเมอร์ ไม่ยอมนอน ดูแลอย่างไรดี?
ปวดศีรษะจากกล้ามเนื้อเกร็งตัว ในผู้สูงอายุ อันตรายหรือไม่ รักษาอย่างไร?
5 ท่า บริหาร หัวใจ ผู้ สูงอายุ ช่วยให้ผู้สูงวัยหัวใจแข็งแรง