“กระดูกพรุน” โรคที่มาพร้อมกับอายุที่มากขึ้น แน่นอนว่าเมื่อเริ่มเข้าสู่วัยชราระบบในร่างกายหรืออวัยวะต่างๆ ก็เริ่มถดถอยลงไปตามการเวลา ซึ่งเราทุกคนไม่สามารถห้ามเรื่องนี้ได้ หากแต่สิ่งที่เราทำได้คือการหมั่นคอยดูแลคอยรักษาให้แข็งแรง โดยเฉพาะเรื่องกระดูกที่บุตรหลานต้องคอยเฝ้าระวังและเอาใจใส่ให้กับคุณพ่อคุณแม่หรือผู้สูงอายุในครอบครัวเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นระบบที่สำคัญและหากเกิดปัญหากับระบบนี้ขึ้นก็จะส่งผลถึงการใช้ชีวิตประจำวันโดยตรงนั่นเอง
“กระดูกพรุน” ในผู้สูงอายุคืออะไร มีสาเหตุจากอะไร?
ทุกคนทราบหรือไม่ว่าโรคกระดูกประเภทนี้พบในผู้สูงวัยของประเทศไทยเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 5 แสนคนแล้ว นั่นเป็นสัญญาณเตือนเกี่ยวกับการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงของประเทศเราว่าเป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วง อีกทั้งบุคคลที่อยู่ในวัยนี้ยังมีการเสื่อมถอยเกี่ยวกับระบบอื่นๆ ด้วยซึ่งก็เป็นการยากที่จะใช้ชีวิตให้แข็งแรงเหมือนวัยอื่นๆ ทั้งนี้ ด้วยเหตุที่ว่าโรคกระดูกประเภทนี้เป็นภัยเงียบในผู้สูงวัยเนื่องจากไม่มีอาการที่แน่ชัดบ่งบอกว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ดังนั้นลูกหลานจึงต้องคอยดูแลให้ผู้ใหญ่ในบ้านก่อนที่มันจะเกิดขึ้น
ลักษณะอาการ
ภาวะนี้โรคชนิดหนึ่งซึ่งมวลกระดูกลดน้อยลง มักเกิดกับสตรีวัยหมดประจำเดือน หรือผู้ชายอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป เกิดจากอัตราการสร้างและการทำลายกระดูกที่ไม่สมดุลกัน โดยปกติแล้วร่างกายมนุษย์จะมีการสร้างและทำลายกระดูกอยู่ตลอดเวลาและอยู่ในสมดุล แต่มีบางภาวะที่อาจส่งผลให้การสร้างและทำลายมวลกระดูกผิดปกติ เช่น ในคนที่หมดประจำเดือน ฮอร์โมนเพศหญิงลดน้อยลง ส่งผลให้มีการทำลายกระดูกมากขึ้นและสร้างได้น้อยลง มวลกระดูกโดยรวมจึงลดน้อยลงกลายเป็นภาวะกระดูกเสื่อมในที่สุด
การสังเกตผู้สูงอายุว่ามีแนวโน้มของการเป็นโรคนี้หรือไม่
-
วัดส่วนสูงอยู่เสมอ
หากพบว่าท่านเตี้ยลงกว่าตอนวัยหนุ่มหรือวัยสาวมากกว่า 4 เซนติเมตร ควรพบแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ
-
ลองทบทวนว่าผู้สูงอายุท่านนั้นๆ เคยกระดูกหักง่ายมาก่อนหรือไม่
มีกระดูกหักง่ายในครอบครัวหรือไม่ หากใช่ควรพบแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจละเอียด
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรค
-
เพศ
เกิดขึ้นในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ผู้หญิงเมื่อเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน ฮอร์โมนเอสโตรเจนก็ลดลง ทำให้เนื้อกระดูกลดลงตามไปด้วย
-
อายุที่มากขึ้น
ในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป ทั้งหญิงและชาย เซลล์สร้างกระดูกมีจำนวนลดลงไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ทำให้กระดูกบางและเสื่อมลง
-
กรรมพันธุ์
หากญาติใกล้ชิดทางสายเลือดมีประวัติป่วยเป็นโรคกระดูกชนิดนี้ก็มีความเสี่ยงที่จะได้รับโรคดังกล่าวด้วย
-
สูบบุหรี่
สารพิษในควันบุหรี่ลดการทำงานของเซลล์สร้างกระดูก
-
การใช้ยาบางชนิดเป็นประจำ
เช่น ยาสเตียรอยด์ ยากันชักบางชนิด หากจำเป็นต้องใช้ยาเหล่านี้เป็นเวลานานควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ
-
การบริโภคอาหาร
กินอาหารที่มีแคลเซียมไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย หรือกินอาหารที่ทำให้แคลเซียมเสียสมดุล อย่างอาหารจำพวกโปรตีนจากเนื้อสัตว์ซึ่งมีความเป็นกรดสูง ดื่มน้ำอัดลม กาแฟ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
-
ขาดการออกกำลังกาย
ขยับร่างกายน้อยหรือไม่ขยับร่างกาย เซลล์สลายกระดูกก็เพิ่มจำนวนและทำงานมากขึ้น

วิธีการป้องกันให้กับผู้สูงอายุ
-
เดินเล่นออกรับแสงแดด
จะช่วยให้ร่างกายสังเคราะห์วิตามินดีซึ่งเป็นฮอร์โมนกระตุ้นการสร้างกระดูกได้
-
รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
และต้องอยู่ในปริมาณที่พอเหมาะทุกวัน โดยเฉพาะอาหารที่มีแคลเซียมสูงควรรับประทานให้เพียงพอในแต่ละวัน
-
หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่ไม่ควร
เช่น แอลกอฮอล์หรือน้ำอัดลม และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น กาแฟ ชา
-
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
เช่น เต้นแอโรบิก การเดินเร็ว การเดินสลับวิ่ง หมั่นตรวจสุขภาพและความพร้อมของร่างกายอยู่เสมอ
-
ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง
เช่น ผู้สูงอายุ หญิงวัยหมดประจำ ผู้ที่ใช้ยาสเตียรอยด์เป็นเวลานาน ๆ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจกรองโรคกระดูกต่างๆ
-
ไม่สูบบุหรี่
-
รักษาน้ำหนักตัวอย่าให้ต่ำกว่าเกณฑ์
อย่างไรก็ดี การรักษาโรคกระดูกชนิดนี้สามารถป้องกัน โดยหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงดังที่กล่าวมา และป้องกันการหกล้มหากทราบว่าผู้สูงอายุมีปัญหากระดูกบางหรือเสื่อม ควรรับประทานยาเพิ่มความหนาแน่นของกระดูกภายใต้การดูแลตามคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง การออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยทำให้กระดูกหนาแน่นและแข็งแรงขึ้นหรือควรเสริมด้วยแคลเซียมชนิดเม็ดเพื่อบำรุงกระดูกนั่นเอง
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
8 โรคผู้สูงอายุที่ควรระวัง มีอะไรบ้าง?
บทความอื่นๆ
ผู้ป่วย อัลไซเมอร์ ไม่ยอมนอน ดูแลอย่างไรดี?
ปวดศีรษะจากกล้ามเนื้อเกร็งตัว ในผู้สูงอายุ อันตรายหรือไม่ รักษาอย่างไร?
5 ท่า บริหาร หัวใจ ผู้ สูงอายุ ช่วยให้ผู้สูงวัยหัวใจแข็งแรง