“การจัดท่าผู้ป่วยผ่าตัด แบบต่างๆ” หนึ่งในวิธีการดูแลที่สำคัญสำหรับผู้ป่วยผ่าตัดสูงอายุ แม้จะเป็นเพียงการปรับและจัดท่านอน แต่ก็ส่งผลต่ออาการหลังผ่าตัดต่อผู้สูงอายุเป็นอย่างมาก เนื่องจากโดยทั่วไปแล้วหลังจากการผ่าตัด หรือการจัดท่านอนให้กับผู้สูงอายุที่อยู่ในภาวะผู้ป่วยติดเตียง หรือ อัมพฤกษ์ อัมพาท นั้นจำเป็นต้องเปลี่ยนท่าในทุกๆ 2 ชั่วโมงเพราะมิเช่นนั้นจะส่งผลต่อมวลกล้ามเนื้อที่อาจลดลง หรือ การอักเสบและติดเชื้อหลังผ่าตัดได้นั่นเอง นั่นจึงเป็นหตุผลว่าทำไมบุตรหลายจึงควรใส่ใจในเรื่องนี้
“การจัดท่าผู้ป่วยผ่าตัด แบบต่างๆ” สำคัญอย่างไร…
จากที่กล่าวไปข้างต้นว่าการจัดท่านอนหลังผ่าตัดค่อนข้างเป็นเรื่องสำคัญ เพราะแม้ว่าการผ่าตัดจะสิ้นสุดลง แต่การดูแลผู้ป่วยสูงอายุยังต้องดำเนินต่อไป เนื่องจากกว่าผู้ป่วยจะหายดีและกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกตินั้นก็ต้องผ่านการรักษาและดูแลหลายขั้นตอน อีกทั้งหากในช่วงการพักฟื้นแผลไม่ดีพอ ก็อาจทำให้แผลเกิดการอักเสบและติดเชื้อได้นั่นเอง
โดยการจัดท่าในการผ่าตัดนั้น ต้องพิจารณาว่ามีผลต่อสรีรวิทยาของผู้ป่วยอย่างไร พิจารณาความถูกต้องตามหลักกายวิภาค (body alignment) ความสะดวกรวดเร็วในการเฝ้าระวังและช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉิน และมีความเหมาะสมกับผู้ป่วยรายนั้นๆหรือไม่
การจัดท่าผู้ป่วยผ่าตัด แบบต่างๆ แก่ผู้สูงวัยระหว่างผ่าตัด
1. ท่านอนหงายราบ (supine position)
การเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยา
2. ท่านอนหงายราบศีรษะต่ำ (supine Trendelenburg)
การเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยา
3. ท่านอนหงายราบศีรษะสูง (reverse Trendelenburg)
การเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยา
4. ท่าคว่ำ (Prone position)
การเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยา
การจัดท่าผู้ป่วยหลังผ่าตัด แบบต่างๆ ต่างกันอย่างไร ช่วยผู้สูงวัยในเรื่องใดบ้าง?
การจัดท่าผู้สูงอายุหลังผ่าตัด ช่องท้อง
- ผู้ป่วยจำเป็นจะต้องงดน้ำและอาหารหลังผ่าตัด และ ได้รับสารน้ำและอาหารทดแทนทางเส้นเลือด เมื่อแพทย์ประเมินว่าลำไส้เริ่มทางาน จะเริ่มทดลองให้จิบน้ำ รับประทานอาหารเหลว เช่น น้ำข้าว ซุปใส และ ปรับเพิ่มเป็น โจ๊ก และข้าวต้มตามลาดั
- หลังผ่าตัดจะจัดท่านอนศีรษะสูงเล็กน้อยและตะแคงหน้า เพื่อป้องกันไม่ให้อาเจียนหรือลิ้นไปอุดกั้นทางเดินหายใจ
หากผู้ป่วยรู้สึกตัว ให้เริ่มพลิกตะแคงตัวและฝึกหายใจ โดยหายใจเข้า-ออก ลึก ๆ ยาว ๆ และหากมีอาการไอ ให้ใช้หมอนกดบริเวณหน้าท้องเบา ๆ ขณะไอ เพื่อช่วยลดแรงสะเทือนจากการไอ ทำให้ปวดแผลลดลง - บางรายมีสายใส่ผ่านจมูกสู่กระเพาะอาหาร เพื่อช่วยระบายลม น้ำย่อย หรือมีสายสวนปัสสาวะ ระวังอย่า ให้เลื่อนหลุด หรือพับงอ ขณะพลิกตัว หรือเปลี่ยนท่า
- หลังผ่าตัด 24 ช.ม. ถ้าผู้ป่วยไม่มีอาการแทรกซ้อนใด ๆ ให้เริ่มลุกนั่งบนเตียง โดยให้นอนตะแคงแล้ว ใช้ข้อศอกยันตัวลุกนั่ง จากนั้นให้ลงมายืนข้างเตียง เดินรอบเตียง และเดินไกลขึ้นตามลาดับ เนื่องจากการลุกจากเตียงได้เร็วจะช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น และลาไส้มีการเคลื่อนไหว ทาให้ลำไส้ทำงานได้ดี ลดอาการอืด แน่นท้อง ท้องผูก ทาให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็ว ได้เร็วขึ้น
การจัดท่าผู้สูงอายุหลังผ่าตัด ปอด
- จัดให้นอนศีรษะสูง เพื่อช่วยให้การระบายของเสียในปอดไหลได้สะดวก
- ดูแลสายท่อระบายของเสียไม่ให้พับ หรือมีการอุดตัน
- ท่านอนหลังผ่าตัดปอด ควรนอนตะแคงทับแผลข้างที่ทำการผ่าตัด เพื่อช่วยให้ปอดข้างที่ดีได้มีการขยายตัวเต็มที่
- หลังผู้ป่วยผ่าตัดใหม่ ๆ ควรกระตุ้นให้มีการหายใจลึกๆ ทุกชั่วโมง กระตุ้นให้ไอขับเสมหะออกให้หมดทุกครั้งที่ได้ยินเสียงเสมหะ และจิบน้ำอุ่นเพื่อช่วยให้ขับเสมหะออกได้ดีขึ้น
การจัดท่าผู้สูงอายุหลังผ่าตัด เข่า
- วางขาบนหมอนสูง 1-2 ใบ ให้เข่าเหยียดตรง เพื่อลดอาการปวด บวม
- ไม่นอนแบะขา เพราะจะทำให้เส้นประสาทถูกกดทับ ทำให้เท้าชาและเกิดปลายเท้าตก
- สามารถนอนตะแคงเอาด้านที่ผ่าตัดขึ้นบน วางขาบนหมอนสูง
การจัดท่าผู้สูงอายุหลังผ่าตัด สมอง
- นอนศีรษะสูง 0-30 องศา ศีรษะและลำตัวอยู่ในแนวตรง โดยเอาหมอนมารองบริเวณท้ายทอย
- หมอนรองใต้หัวไหล่และสะบักในข้างอ่อนแรง แขน หากข้อศอกเหยียดตรงและหมุนออกข้างนอก
- จัดให้ผู้ป่วยนอนอยู่ในแนวตรง ศีรษะโน้มไปทางด้านหน้าเล็กน้อย และนำหมอนหนุนบริเวณหลังส่วนล่าง เพื่อพยุงให้ลำตัวอยู่ในแนวตรง
- ส่วนแขนของผู้ป่วยในข้างอ่อนแรง ควรมีหมอนรองใต้แขนตั้งแต่ ต้นแขนจนถึงปลายแขน โดยแขนของผู้ป่วยยื่นไปข้างหน้า ข้อศอกเหยียด ข้อมือตรง นิ้วมือเหยียดออก
- หากแขนในข้างอ่อนแรงให้จัดท่าผู้สูงอายุยื่นมาข้างหน้า โดยจับสะบักและข้อไหล่ไปทางด้านหน้า ตามด้วยจัดข้อศอกตรงและหงายมือ โดยการจัดตำแหน่งของสะบักเช่นนี้จะทำให้ผู้ป่วยไม่นอนทับไหล่ของตนเองขาในข้างอ่อนแรง เหยียดขา เข่างอเล็กน้อย ข้อเท้าอยู่ในท่าปกติ ขาในข้างดี นำหมอนมารองตั้งแต่สะโพกถึงปลายเท้า โดยให้ข้อเข่า งอสะโพกเล็กน้อยวางหมอนค่อนมาทางด้านหน้าของขาข้างอ่อนแรง
การจัดท่าผู้สูงอายุหลังผ่าตัด กระดูกสันหลัง
- นอนหงายชันเข่าทั้ง 2 ข้าง งอสะโพกและข้อเข่า แขนแนบลำตัว ยกศีรษะและลำตัวช่วงบน เกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้องค้างไว้ 5 วินาที ทำติดต่อกัน 10 ครั้ง
- นอนหงายชันเข่า 2 ข้าง แขนแนบลำตัว เกร็งกล้ามเนื้อท้อง กดหลังกับพื้นเตียง เกร็งนาน 5 วินาที พักและทำติดต่อกัน 10 ครั้ง
- นอนหงายชันเข่า 2 ข้าง ใช้มือจับเข่างอ เข่าจรดอก ทำแค่ที่ทนได้แล้วปล่อย สลับทำทีละข้าง ข้างละประมาณ 10 ครั้ง โดยการออกกำลังกายแต่ละท่านั้นขึ้นอยู่กับชนิดและวิธีการผ่าตัดด้วย ดังนั้นควรได้รับคำปรึกษาจากแพทย์ผ่าตัด แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู หรือนักกายภาพบำบัดก่อนเสมอ
ประโยชน์ของการจัดท่านอนให้กับผู้ป่วยผ่าตัดสูงอายุ
- ป้องกันความผิดปกติของกล้ามเนื้อ
- ป้องกันแผลกดทับ
- ป้องกันปัญหาเกี่ยวกับการไหลเวียนของเลือด และระบบน้ำเหลือง
- ช่วยส่งตัวกระตุ้นที่ถูกต้องไปยังสมอง
- ช่วยส่งเสริมให้ผู้ป่วยเรียนรู้ที่จะดูแลร่างกายส่วนที่เป็นอัมพาต
บทความอื่นๆ
ผู้ป่วย อัลไซเมอร์ ไม่ยอมนอน ดูแลอย่างไรดี?
ปวดศีรษะจากกล้ามเนื้อเกร็งตัว ในผู้สูงอายุ อันตรายหรือไม่ รักษาอย่างไร?
5 ท่า บริหาร หัวใจ ผู้ สูงอายุ ช่วยให้ผู้สูงวัยหัวใจแข็งแรง