การใช้ยาในผู้สูงอายุ ถือเป็นเรื่องสำคัญที่บุตรหลานไม่ควรมองข้ามเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากผู้สูงวัยในบางครอบครัวนั้นมักมีปัญหาสุขภาพหลายด้าน ทำให้ได้รับยาหลายรายการ ดังนั้นจึงอาจมีความเสี่ยงที่จะได้รับยาเกินความจำเป็น อาจเกิดผลข้างเคียงหรืออันตรายจากการใช้ยานั่นเอง จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม ปัญหาเช่นนี้จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมากที่ลูกหลานควรใส่ใจ
การใช้ยาในผู้สูงอายุ มีปัญหาอย่างไรบ้าง และใช้อย่างไรให้ปลอดภัย?
เมื่อต้องเริ่มเข้าสู่วัยผู้สูงอายุ พบว่าปัญหาสุขภาพก็มักเกิดตามมาทั้งการเจ็บป่วยที่บ่อยขึ้น รุนแรงมากขึ้น โรคประจำตัวมากขึ้น ทำให้หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมีความจำเป็นในการใช้ยาหลายขนาน จนหลายครั้งผู้สูงอายุบางรายก็มีความกังวลใจ และเลี่ยงที่ไม่ใช้ยาเหล่านั้น เนื่องจากเกรงว่ายาซึ่งเป็นสารเคมีอย่างหนึ่ง หากได้รับเข้าไปมากหรือเป็นเวลานาน จะเกิดอันตรายต่อร่างกายได้มากกว่าประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น
การใช้ยาสำหรับผู้สูงอายุ สำคัญอย่างไร?
การใช้ยาในผู้สูงอายุนั้นมีความละเอียดอ่อนมากกว่าในบุคคลทั่วไป เนื่องจากร่างกายมีการตอบสนองต่อยาที่เปลี่ยนแปลงไป กล่าวคือ ความสูงวัยทำให้ การดูดซึมยาลดลง ซึ่งอาจเป็นเพราะมีการไหลเวียนเลือดที่ทางเดินอาหารน้อยกว่าเดิม มีน้ำย่อยในทางเดินอาหารน้อยลง นอกจากนี้เมื่ออายุมากขึ้น สัดส่วนของเนื้อเยื่อไขมันจะเพิ่มขึ้น เป็นผลให้ยานอนหลับบางชนิดเช่น ไดอะซีแพม (diazepam) ซึ่งชอบจับกับเนื้อเยื่อไขมัน อยู่ในร่างกายนานขึ้น และมีฤทธิ์นานกว่าเดิม
ในส่วนของการกำจัดยาออกจากร่างกายนั้นพบว่า ผู้สูงอายุจะมีการเสื่อมถอยของอวัยวะต่างๆ ตับมีขนาดเล็กลง เลือดที่ไหลไปตับน้อยลง ปริมาณและความสามารถของเอนไซม์ในตับในการเปลี่ยนสภาพยาลดน้อยลง จำนวนหน่วยกรองในไตน้อยลง และเลือดที่มายังไตน้อยลง เป็นผลให้ยาถูกกำจัดออกทางตับและไต ได้น้อยลง และยามีระดับในเลือดสูงและอยู่นานกว่าในคนทั่วไป ดังนั้นการใช้ยาในผู้ป่วยสูงอายุ จึงต้องมีการปรับขนาดยาให้เหมาะสมตามสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล ภายใต้การดูแลของแพทย์ และเภสัชกรเพื่อความปลอดภัยสูงสุด
สิ่งต้องระวังเกี่ยวกับการใช้ยาในผู้สูงอายุ
ผู้ป่วยสูงอายุ และผู้ดูแลควรหลีกเลี่ยงการซื้อยาสมุนไพร ยาหม้อ และยาลูกกลอนมารับประทานเอง เนื่องจากอาจมีผลเสียต่อร่างกาย โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีปัญหาปวดข้อตามที่ต่างๆ ผู้ป่วยมักเข้าใจว่าปลอดภัยเพราะทำมาจากสมุนไพร แต่มักมีการผสมยาประเภทสเตียรอยด์ ทำให้หายปวดข้อได้จริงแต่มีผลเสียในระยะยาวมากมาย เช่น กระดูกพรุน ต่อมหมวกไตฝ่อ เบาหวาน และความดันโลหิตสูง และอย่าเก็บยาที่เหลือไว้รับประทานครั้งต่อไป เนื่องจากยาอาจหมดอายุหรืออาจไม่ใช้ยาตัวเดิม ไม่ควรหยุดยาเอง ซึ่งอาจเกิดจากผู้สูงอายุไม่ชอบประทานยา บางรายถึงขั้นปรับขนาดยาเองโดยที่ไม่ปรึกษาแพทย์ เพราะเห็นว่าอาการดีมากขึ้นแล้ว ส่งให้ผู้ป่วยไม่ได้รับยาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีกลุ่มผู้สูงอายุที่ไม่ได้รับประทานอย่างต่อเนื่อง เพราะเดินทางมาพบแพทย์ไม่สะดวก ซึ่งพบได้บ่อยโดยที่ญาติมาขอรับยาเดิมจากแพทย์ โดยไม่พาผู้ป่วยมารับการติดตาม บางรายกินยาชุดเดิมอยู่หลายปี จุดนี้เองที่สามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพของผู้สูงอายุ ยาเหล่านี้จะสะสมจนเกิดเป็นพิษได้โดยไม่รู้ตัว

สาเหตุที่ทำให้พบอุบัติการณ์ของผลข้างเคียงจากยาเพิ่มขึ้นในผู้สูงอายุ
มีได้หลายปัจจัย ดังต่อไปนี้
-
การได้ยาหลายๆ ชนิดในเวลาเดียวกัน
-
การเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาจากความชรากับการกำจัดยาออกจากร่างกาย
-
การเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาจากความชรากับการออกฤทธิ์ของยา
-
พฤติกรรมของผู้ป่วยสูงอายุ
การลืมรับประทานยาส่งผลต่อการรักษาโรค ทำอย่างไรให้ผู้สูงอายุไม่ลืมรับประทานยา
กล่องใส่ยา
เช่น กล่องใส่ยาที่ระบุวันของสัปดาห์ ผู้สูงอายุที่มีการรับประทานยาหลายชนิดและมีความซับซ้อนอาจเลือกกล่องยาที่แยกเป็นมื้อละเอียดมากขึ้น
นาฬิกาปลุก
สามารถเลือกใช้นาฬิกาข้อมือหรือโทรศัพท์มือถือตั้งเวลาปลุกเตือนเมื่อถึงเวลารับประทานยา
แอปพลิเคชัน
สำหรับเตือนให้รับประทานยาในสมาร์ตโฟน สามารถดาวน์โหลดมาใช้ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
ผู้สูงอายุควรใช้ยาอย่างไรจึงจะปลอดภัย
กลุ่มยาที่ผู้สูงอายุควรระมัดระวังการใช้เป็นพิเศษ
สิ่งที่บุตรหลานควรดูแล เมื่อผู้สูงวัยต้องใช้ยา
การติดตามรับการรักษาจากแพทย์อย่างสม่ำเสมอ
ผู้สูงอายุจำนวนมากมักไม่ชอบมาพบแพทย์ เนื่องจากข้อจำกัดทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ และกลัวว่าลูกหลานจะต้องเสียค่าใช้จ่าย ทางด้านร่างกายเช่น มีอาการเดินลำบากเนื่องจากปวดข้อจากข้อเข่าหรือข้อเท้าเสื่อม ภาวะหัวใจวายหรืออัมพาตครึ่งซีก เป็นต้น
การซื้อยารับประทานเอง
ในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งประชาชนสามารถซื้อยารับประทานเองได้เพียงไม่กี่ชนิด เช่น ยาแก้ปวด ลดไข้ ยาระบาย ยาลดกรด และวิตามินชนิดต่างๆ แต่ก็พบว่า 20 % ของผู้ป่วยสูงอายุที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเนื่องจากผลข้างเคียงของยา เกิดจากยาที่ผู้ป่วยซื้อรับประทานเอง ในประเทศไทยที่ประชาชนมีเสรีภาพเต็มที่ในการซื้อยาใดๆ ก็ได้จากร้านขายยา น่าจะมีสถิติของอุบัติการณ์ดังกล่าวมากกว่านี้หลายเท่า
การเก็บสะสมยา
ผลจากการที่ผู้สูงอายุมักมีโรคเรื้อรังและได้รับยาหลายชนิด เนื่องจากมีพยาธิสภาพของอวัยวะหลายๆ ระบบ ทำให้ได้รับยาจากแพทย์มาเป็นระยะ ผู้ป่วยบางรายอาจจะเก็บสะสมยาไว้ โดยไม่ได้รับประทานหรือรับประทานไม่หมด ก็เก็บรวมๆ กันไว้ คราวใดที่อาการเจ็บป่วยก็จะเลือกรับประทานยาจากที่สะสมไว้ ชนิดที่เคยรับประทานได้ผล โดยยานั้นอาจจะหมดอายุแล้วหรือมีข้อห้ามใช้ยานั้นเกิดขึ้นใหม่ในขณะนั้น ก็ทำให้เกิดผลข้างเคียงจากยาได้
การรับประทานยาตามแพทย์สั่ง
ผู้ป่วยหลายรายมักไม่รับประทานยาตามแพทย์สั่ง ทำให้เกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยาที่ไม่ถูกเวลาและขนาดที่แพทย์จัดให้เหมาะสมอยู่แล้ว ซึ่งอาจเกิดจากสาเหตุต่างๆ ได้แก่
- ลักษณะการบริหารยาที่ยุ่งยาก เช่น รับประทานวันละหลายครั้ง หรือต้องรับประทานยาเป็นเวลายาวนาน
- ผู้ป่วยหยุดยาเอง เพราะเกิดผลข้างเคียงจากยา แล้วไม่ได้ปรึกษาแพทย์ต่อ
- สายตาไม่ดีหรือฉลากยาที่เขียนไม่ชัดเจน
อย่างไรก็ดี อีกปัจจัยที่มีผลต่อการใช้ยา ดังนั้นควรแจ้งให้แพทย์ทราบ และใช้ตามคำแนะนำของแพทย์และเภสัชกรอย่างเคร่งครัด สุดท้ายนี้ไม่ว่าเราจะอายุมากขึ้นหรือมีปัญหาสุขภาพ ต้องใช้ยาวันละหลายๆ อย่าง แต่หากเราใช้ยาอย่างถูกวิธี ไม่ขาดยาหรือรับประทานยาเกินที่กำหนด มาตรวจติดตามการรักษาอย่างสม่ำเสมอ เราก็สามารถเป็นผู้สูงอายุที่สุขภาพดี และดูแลตัวเองได้ดีอย่างมีประสิทธิภาพได้เช่นกัน
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
บทความอื่นๆ
ผู้ป่วย อัลไซเมอร์ ไม่ยอมนอน ดูแลอย่างไรดี?
ปวดศีรษะจากกล้ามเนื้อเกร็งตัว ในผู้สูงอายุ อันตรายหรือไม่ รักษาอย่างไร?
5 ท่า บริหาร หัวใจ ผู้ สูงอายุ ช่วยให้ผู้สูงวัยหัวใจแข็งแรง